STOP
WHEN YOU ARE DONE
FOCUS
Focusing and then taking action turns success into a reality every time
Meet Pakorn – Assistant Coach
Date of birth
11 Oct 1993
Country
Thailand
Province
Amnat Charoen
Personal Bests
1000m2:55
1Mile4:53
5K16:58
10K35:26
Half Marathon1:18:47
MarathonNone
Follow Me
Mr.Pakorn Chavalit (ปกรณ์ บินได้)
“ปอนด์” นักวิ่งที่ต้องการวิ่งเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเอง ให้สังคมและคนรอบข้างในแวดวงกีฬาต่างๆ เพื่อสร้างพลังบวก สร้างกำลังใจให้กับกลุ่มคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปรับเปลี่ยนความคิดพฤติกรรมต่างๆ ทั้งในด้านสุขภาพทางกายและสุขภาพทางด้านจิตใจ สร้างวินัย สร้างความเข้มแข็งและลงมือทำ เพื่อให้เป้าหมายต่างๆนั้นให้สำเร็จ
ภายใต้ประสบการณ์การวิ่งบนสนามแข่งขันในหลายๆปีที่ผ่านมามันได้สอนอะไรให้กับตัวเองในหลายๆอย่างเพื่อบอกเล่าประสบการณ์ที่มีประโยชน์กับนักกีฬาที่ติดตามผลงาน และ กำลังมองหาเป้าหมายเพื่อการวิ่ง
ผมเริ่มออกกำลังกายและควบคุมโภชนาการเพื่อลดน้ำหนักของตัวเองอย่างต่อเนื่องจากน้ำหนักสูงสุดที่จำได้ 85kg ในปี 2019 ที่เริ่มออกกำลังกายผมรู้สึกว่ามันยาก ผมเป็นคนอ้วนที่มีน้ำหนักตัวเกินความสมดุลของสัดส่วนตัวเองในด้านสุขภาพ ผมใช้ความพยายามอยู่หลายครั้งเพื่อจะทำมันให้สำเร็จเพียงเพื่อลดน้ำหนักและต้องการสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น ลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆทั่วไปให้ลดลง และ ป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น
ผมใช้กีฬาวิ่งเป็นกีฬาหลักในการบำบัดร่างกาย และ สุขภาพจิตใจ ภาวะความเครียดต่างๆจากการทำงาน ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เริ่มวิ่งและได้เล่นกีฬาชนิดนี้ เพราะมันมอบทั้งความสุข สุขภาพที่ดี เสริมสร้างวินัยต่างๆให้กับตัวเอง ผมเริ่มฝึกซ้อมกิจกรรมวิ่งเพื่อการแข่งขันบนถนน ครั้งแรกในช่วงต้นปี 2020 โดยเริ่มการฝึกฝนการวิ่งด้วยตัวเองบนระยะทาง 5KM เป็นหลัก และ มีสถิติเวลาอยู่ที่ 21:20 นาที ในตอนนั้น ผมเริ่มมีกำลังใจในการฝึกซ้อมต่อไปและได้สร้างแรงผลักดันให้กับตัวเอง วางเป้าหมายเพื่อทำลายสถิติเวลาให้ดีกว่าเดิม เพราะผมคิดว่ายิ่งทำได้มากแค่ไหนยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งและพัฒนาได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะทุกเป้าหมายที่ผมสร้างขึ้นมานั้นมีเพียงแค่ 2 คำตอบคือ ทำ หรือ ไม่ทำ และ ส่วนใหญ่ผมมักเลือกจะทำถึงแม้จะไม่รู้ว่าปลายทางจะสำเร็จแค่ไหน มันอาจจะใช้เวลานานมากหรือน้อย แต่ผมเชื่อว่ามนุษย์ไม่มีขีดจำกัดเหมือนกับ Eliud Kipchoge ได้เคยกล่าวไว้
สำหรับผมถ้าได้เริ่มลงมือทำมันแล้ว ต่อให้ยาก จะช้า หรือ เร็ว อาจเกิดจากการวางแผน ความพร้อม ช่วงเวลาต่างๆ ค่อยๆจะสมไปวันละเล็ก วันละน้อย หมั่นศึกษา ทำความเข้าใจ ไม่ยอมแพ้ และทำต่อไป เพื่อรอความพร้อมทุกสิ่งอย่าง เพื่อประกอบรวมเป็นสิ่งเดียว ก็คือความพร้อม สิ่งนั้นมันจะสำเร็จ และ มีค่า ต่อตนเอง รวมถึงคนรอบข้างด้วย และ จะทำให้แวดวงการออกกำลังกายการสร้างสุขภาพนั้นดีขึ้นไปอีก
ผมเป็นนักวิ่งระยะไกล ซึ่งฝึกซ้อมแข่งขันวิ่งบนถนนในระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1KM เป็นหลัก นั่นคือระยะที่ชื่นชอบที่สุดสำหรับผม ผมมีโค้ชผู้ฝึกสอนส่วนตัวคือ Coach JaroonSak Wang. เป็นผู้ออกแบบแผนการฝึกซ้อมต่างๆในการแข่งขัน ทุกครั้งที่ลงแข่งหรือทดสอบความเร็วผมมักมีสถิติเวลาที่ค่อยๆดีขึ้นเสมอ ซึ่งปัจจุบันผมมี PB Half Marathon 21.1K อยู่ที่ 1:18:47 ชั่วโมง และ ผมมีเป้าหมายอยากทำลายสถิติเวลานี้ที่งานแข่งขันเมเจอร์ในประเทศไทยที่มีการรับรองเวลาซักสนามเพื่อบันทึกเป็น PR ให้กับตนเอง แต่นี้คือเป้าหมายในสนามการแข่งขันทำลายกำแพงเวลาของตัวเองเท่านั้น
About Running
ในปัจจุบันผมเป็นทั้งนักวิ่งเพื่อการแข่งขันบนถนนระยะไกล และ เป็นหนึ่งในทีมผู้ฝึกสอน OTC Staff Coach นักวิ่งระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะไกล ให้กับทีม OTC Running Team เป็นหลักในจังหวัดอำนาจเจริญ โดยดูแลตั้งแต่แผนการฝึกซ้อมพื้นฐาน จนการแข่งขันลงรายการต่างๆบน Track & Field ลู่ยาง และ Road Running (วิ่งบนถนน) ทั้งเด็ก วัยรุ่นทั่วไป และ ผู้ใหญ่ที่มีอายุ
ซึ่งในอนาคตอาจผันตัวเป็นทีมผู้ฝึกสอนให้กับนักวิ่งหน้าใหม่อย่างเต็มตัว เพราะผมเล็งเห็นถึงความสามารถของคนรุ่นใหม่ ที่มีใจ มีความสามารถ ถึงแม้ไม่ได้มีพรสวรรค หรือความได้เปรียบทางใดทางหนึ่ง แต่กลับมีความตั้งใจ มุ่งมั่น มีวินัยและไม่ยอมแพ้ ผมเชื่อเสมอว่าคนเหล่านี้คือคนที่จะสร้างความสำเร็จในแบบต่างๆให้กับชีวิตและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคมในอนาคตเป็นพลังบวกให้กับคนกลุ่มใหม่ต่อๆไป
เป้าหมายในการวิ่ง ปัจจุบันนี้ส่วนตัวแล้วนอกจากทำเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ก็อยากเป็นนักวิ่งกลุ่มนำที่วิ่งในระดับ Pace 3 ได้ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันในอดีตที่ต้องการสำผัส Pace ความเร็วนี้บนสนามการแข่งขันซักครั้ง และ ปัจจุบันผมทำมันได้แล้ว ด้วยความตั้งใจ ความทุ่มเท ความอดทน ความไม่ยอมแพ้ และ ภายใต้วินัยเท่านั้น ที่ทำมันได้ ผมบอกนักวิ่งทุกคนเสมอว่า ต่อให้เรามีโค้ชที่ดี มีโปรแกรมฝึกฝนชั้นยอด แต่ถ้าเราไม่มีวินัย ไม่ใส่ใจ ไร้ความกระตือรือร้น ขาดเป้าหมาย มันก็จะไม่มีความหมายอะไรเลย ส่วนเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือการยกระดับทีม OTC Running Team และ สร้างนักวิ่งเก่งๆให้เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต รวมถึงถ่ายทอดความสุขทางกีฬา สร้างแผนชัยชนะ สร้างเป้าหมายต่างๆ และ สร้างสุขภาพที่ดีด้วยการวิ่งให้เกิดขึ้นต่อไป
My Passion
Lies in The Philosophy of Running
I think
นักวิ่งที่ดีไม่จำเป็นต้องวิ่งเก่งเสมอไป เพราะผมเชื่อว่าคนที่วิ่งดี ไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็ว และ นักวิ่งที่ดีไม่จำเป็นต้องวิ่งเก่ง ทุกคนมีทางเลือก และ เป้าหมายในการวิ่งที่แตกต่างกัน ความเร็วเหมือนกันแต่ความรู้สึกรับรู้อาจแตกต่างกัน ดันนั้นความสุขเหล่านี้อยู่ที่เป้าหมายมุมมอง และการกระทำ ว่าสิ่งที่ทำอยู่ทำเพื่อสิ่งนั้นมีค่าเท่าใด
การวัดว่าใครเก่งกว่ากันเจ๋งกว่ากัน เป็นแค่เพียงกระบวนการความคิดที่เกิดการเปรียบเทียบเท่านั้น ส่วนในสนามแข่งขันการวิ่งนั้นมันคือเกมส์ รูปแบบแบ่งออกได้ 2 อย่างคือ แพ้ และ ชนะ เท่านั้น นั่นคือในเกมส์การแข่งขัน แต่ถ้าเราไม่เคยคิดเรื่องแพ้ หรือ ชนะในการแข่งขันเลยหล่ะ? เราวิ่งแข่งไปทำไม นั่นก็สุดแล้วแต่เป้าหมายของนักวิ่งถูกต้องหรือไม่? ดังนั้นสำหรับการวิ่งมีมากกว่าคำว่าแพ้ ชนะ หรือ ความเร็ว มันอยู่ที่เราคนที่เลือกจะวิ่งนะ ไม่ใช่ให้คนอื่นมาเลือกให้เรา
วางเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วเริ่มลงมือทำ หากต้องการจะวิ่ง ก็วิ่งให้มีความสุข อยู่กับระยะทางที่ชื่นชอบ ทำในสิ่งที่ควรทำ ทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับเรามากที่สุด หากต้องการทำเพื่อสถิติเพื่อชัยชนะ การแข่งขัน จงทุ่มเทเพื่อสิ่งสิ่งนั้นให้เต็มที่ ให้เวลา ให้กำลังใจตัวเอง ค่อยๆก้าวและผลักดัน ยอมรับความพ่ายแพ้ เก็บเป็นประสบการณ์และทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
สำหรับนักวิ่งที่อยากติดตามผลงานต่างๆของผมสามารถติดตามได้ทาง Social สื่อต่างๆได้ทั่วไป และ เนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับการฝึกซ้อมกีฬาวิ่งโดยเฉพาะ เทคนิคโภชนาการ การพักผ่อน การรักษาการบาดเจ็บทั่วไปที่เกิดจากการออกกำลังกาย รวมถึงแผนการฝึกซ้อมวิ่งในแบบต่างๆตั้งแต่ Basic Skill และ Advance Training สามารถเข้าชมคลิปวีดีโอแนะนำการฝึกสอนต่างๆได้ที่ Youtube โดยใช้ชื่อช่องว่า ปกรณ์ บินได้ รวมถึงสื่อโซเชียลอื่นๆได้เช่นเดียวกัน
My Story
ผมเกิดและเติบโตในจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อปี 1993 (2536) ตอนนี้ผมมีส่วนสูงเพียง 168cm และ มีน้ำหนักตัวปัจจุบันราวๆ 54-56kg เท่านั้น ผมจะเล่าเรื่องราวช่วงเปลี่ยนผ่าน ให้เพื่อนๆได้อ่านเผื่อบางคนอยากรู้จักตัวผมในการวิ่งมากยิ่งขึ้น ย้อนกลับไปเมื่อช่วงราวๆปี 2007-2012 ช่วงเรียนมัธยมตอนต้น – ปวช. ผมชื่นชอบการเล่นกีฬาบาสเกตบอลเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นผมได้เล่นในตำแหน่ง Point Guard เสมอเพราะค่อนข้างตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเพื่อนๆเป็นตำแหน่งที่วิ่งจ่ายบอลให้เพื่อนในทีมตลอด ต่อมาช่วงมหาลัยได้เข้าเรียนที่ UMT ที่จังหวัดอุบลราชธานี ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 2013 พร้อมกับทำงาน Part Time ที่บริษัท IT แห่งนึงไปพร้อมๆกัน
ในช่วงนี้การเล่นกีฬาลดน้อยลงอย่างมาก และเปลี่ยนแนวการใช้ชีวิตไปในทางการสังสรรค์ในสังคมมากขึ้น ทั้งเที่ยว กิน ดื่ม นอนดึก อย่างเต็มระบบ จนเวลาผ่านมานานเข้าปีที่ 5 นับจากช่วงเวลานั้น ทุกอย่างเปลี่ยนไปสะสมเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากหุ่นคนทั่วไป เข้าสู่ช่วงอิ่มตัวร่างกายลงพุง เข้าตรวจร่างกายอยู่ในโรคอ้วนระดับที่ 3 หรือ โรคอ้วนอันตราย
เหตุผลที่เข้าไปตรวจร่างกายในตอนนั้นเมื่อปี 2018 ย่างเข้าปี 2019 ที่จำได้ในตอนนั้น ผมมีอาการไอรุนแรงจนบางครั้งเสมหะเป็นเลือด รวมถึงมีภาวะผื่นคันขึ้นตามร่างกายบ่อยๆและในบางครั้งก็มีอาการวูบหน้ามืดในตอนที่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ไม่ดื่ม ขอเพียงมีความเครียดแทรกเข้ามาหรือการออกแรงเยอะๆ ร่างกายในตอนนั้นเหนื่อยง่ายมากๆ การขึ้นบันใดเป็นอะไรที่ไม่ชอบเลย อารมณ์แปรปรวนหงุดหงิดง่าย การเคลื่อนไหวทุกอย่างดูช้าไปหมด ป่วยบ่อยที่สุดโดยเฉพาะไข้หวัดทั่วไป หมดค่ายารักษาก็ไม่น้อย นอนหลับยาก ตื่นง่าย
เป็นช่วงชีวิตที่ทำให้ตัวผมต้องกลับมานั่งคิดทบทวนตัวเองใหม่ถึงการเปลี่ยนไปของร่างกาย และ อยากเริ่มสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิต โดยผมเริ่มเปลี่ยนสิ่งแรกก่อนนั่นก็คือความคิด และ สิ่งต่อมาคือการลงมือทำทันที ผมตัดคำว่า วันนี้ พรุ่งนี้ เดี๋ยวก่อน อื่นๆ ออกจากความคิด และเมื่อผมเปลี่ยนความคิดพร้อมกับลงมือทำแล้ว ดันประจวบเหมาะกับในช่วงเวลานั้นได้มีงานวิ่งในจังหวัดอุบลราชธานีเกิดขึ้นงานนั้นมีชื่อว่า Run For Book 2019 ซึ่งตัวผมเองไม่รู้แม้กระทั่งว่ามีงานวิ่งที่จัดบนถนน แถมปิดถนนเพื่อจัดงานวิ่งได้ด้วย นอกจากนั้นผมยังได้รับความท้าทายจะเพื่อนที่สนิทในการลงงานวิ่งสักครั้ง
นั้นเลยกลายเป็นงานวิ่งแรก และ งานวิ่งเดียวที่เปลี่ยนชีวิตผมไปเลย ในช่วงเวลา 2-3 เดือนก่อนงานวิ่งจะเริ่มขึ้น ผมได้รับแรงผลักดันอะไรบางอย่างที่กระตุ้นให้ผมอยากทำให้มากขึ้น ผมเริ่มเปลี่ยนแปรงตัวเองตั้งแต่การทานอาหาร พฤติกรรมที่สำคัญมากที่สุด มากกว่าการฝึกฝน มันคือ Keyword ที่สำคัญจริงๆ ผมเปลี่ยนแปลงการทานอาหาร การดื่มกินทั้งหมด สิ่งที่ผมเลือกตัดในช่วงเวลานั้นคือ น้ำตาล และ ไขมัน ผมทานผักมากยิ่งขึ้น ผมทานมื้อกับข้าวให้ตรงเวลา ผมลดอาหาร ของหวาน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด จากค่อยๆลดไม่กี่สัปดาห์เปลี่ยนเป็นตัดทิ้งจากชีวิต และ ทานอาหารที่ให้ประโยชน์กับร่างกายมากยิ่งขึ้น
ผมเริ่มออกกำลังกายด้วยการเดิน การสร้างความแข็งแรงเสริมด้วยรูปแบบคาร์ดิโอ และ Body Weight รวมถึงสลับไปวิ่งช้าๆบน Treadmill ลู่วิ่งไฟฟ้า ในวันที่ฝนตก หรือ สภาพอากาศไม่เป็นใจให้ออกกำลังกายที่โล่ง ผมทำทุกวันซ้ำๆ ในหัวสมองตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าในช่วงเวลาว่างจากการทำงาน หรือ เวลาว่างเพียงเล็กน้อย 10-30 นาที อย่างน้อย ผมแค่ทำมัน ในวันที่มีเวลาเยอะมากพอผมก็จะยิ่งทำมันให้มากขึ้นไปอีก ทุกครั้งที่ผมออกกำลังกายผมใช้เวลาไม่เกิน 90 นาที ผมทำมันทุกวัน ทำเหมือนมันเป็นกิจวัตรประจำวัน เหมือนที่ร่างกายต้องกิน ต้องนอน ต้องขับถ่าย ผมตั้งความคิดแบบนั้น และ วันนึงผมก็ลืมไปเลยว่าความขี้เกียจที่ไม่ได้ออกกำลังกายมันหายไปตอนไหนทำไมทุกวันที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือกินอาหารดีๆเหมือนมันขาดอะไรไป แล้ววันที่ร่างกายอยากกินอาหารขยะ อาหารที่กินแล้วสะสมให้ร่างกายเราพัง มันลดน้อย มันหายไปตั้งแต่ตอนไหน ทำไมเราถึงนั่งดมอาหารทั่วไปได้โดยไม่รู้สึกกระหายเพื่อกินมัน
เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่เดือน น้ำหนักผมลดลงอย่างรวดเร็ว จากการเดินช้าๆในสวนสาธารณะ เริ่มเข้าสู่การเดินเร็วและวิ่งจ๊อกกิ้งได้ ในขณะที่ร่างกายรู้สึกบอบช้ำจากความเร่งรีบในการออกกำลังกาย ตัวผมเองก็เกิดความท้อแท้ ความเจ็บปวดเช่นกัน แต่พอผมย้อนกลับไปดูเมื่อวาน และ วันที่ผ่านมา ผมอดทนและได้อะไรใหม่ๆที่เกิดขึ้นกับร่างกายมากมาย ผมให้กำลังใจตัวเอง และ ทำมันต่อไป ศึกษา มองหาปัญหาการบาดเจ็บ การรักษาตัวเอง ในเวลาไม่นาน ผมก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างง่ายดาย น้ำหนักผมลดลง สัดส่วนในร่างกายเริ่มดีขึ้น เสื้อผ้าขนาดก็เริ่มได้เปลี่ยน จาก 2-3XL เริ่มกลับมาใส่ L-M ได้ ร่างกายรู้สึกเบาขึ้นคล่องตัวมากยิ่งขึ้นเมื่อขยับร่างกาย อาการเหนื่อยหอบก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่สิ่งนั้นคือปัจจัยรอง ปัจจัยหลักที่ตัวผมสำผัสและยินดีกับชีวิต ยินดีกับร่างกายของตัวเองที่สุดคือ ร่างกายที่แข็งแรงขึ้น นอกจากน้ำหนักตัวที่ลดลงเรื่อยๆ จาก 85kg+ เข้าสู่ช่วงน้ำหนัก 63-65kg อาการไอ หรือ แม้แต่ภูมิแพ้ ผื่นคันต่างๆ ไม่เกิดขึ้นเลยในช่วงเวลาการออกกำลังกาย รวมถึงการปรับเปลี่ยนการกินอาหารใหม่ที่มีประโยชน์หลากหลาย และนั่นมันยิ่งทำให้ตัวผมรู้สึกดีและอยากเพิ่มความมุ่งมั่นต้องทำมันให้มากขึ้นอีก
ย้อนกลับมาในช่วงงานแข่งขันในตอนนั้นผมเลือกที่จะลงวิ่งในงาน Run For Book 2019 ที่ระยะ 5KM แต่ถูกเพื่อนในวงการวิ่งนั้นแนะนำให้ลงระยะทาง 10KM และ นั่นคือหนังชีวิตเมื่อไม่รู้ว่า 10KM ไม่ได้ใกล้เลย เส้นทางในการวิ่งนั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด แต่ก็สามารถพาร่างกายตัวเองเข้าสู่เส้นชัยได้เป็นครั้งแรกที่วิ่งในระยะ Mini Marathon เป็นประสบการณ์ความท้าทายที่ดีมากๆในชีวิต เพราะผมได้เห็นอะไรหลายๆสิ่งหลายๆอย่างในงานวิ่ง ที่มอบให้กับตัวผมในตอนนั้นได้จุดประกายและกำลังสร้างอะไรบางอย่าง
ผมได้เห็นนักวิ่งหลากหลายรูปแบบในงานงานเดียว ทำให้ผมได้เข้าใจว่าการวิ่งไม่ได้มีแค่ต้องวิ่ง ไม่ได้มีแค่คนออกกำลังกายแล้วมาวิ่ง แต่กลับเห็นกลุ่มนักวิ่งขาแรง หรือ นักวิ่ง Elite แนวหน้าแต่ละจังหวัดวิ่งฟัดเหวี่ยงกันด้วยความเร็วบนสนามแข่งขันอย่างไม่ยอมแพ้ ต่างคนต่างมุ่งมั่น ตั้งใจ กับการวิ่งในแบบของตัวเอง สายตา การก้าวขา ความเร็ว ทุกอย่างมันดูแล้วแข็งแกร่ง มันดูแล้วเราอยากจะไปวิ่งด้วย แต่ในขณะเดียวกันแล้วความเป็นจริงที่เราวิ่งอยู่ในความเร็วของเรามันช่างเหนื่อยเหลือเกิน แต่นั้นไม่ใช่ความท้อในความคิดตอนนั้น ผมกลับได้มุมมองใหม่ๆกับการวิ่งว่าถ้าวันนึงเราได้ไปวิ่งแบบนั้น และ วิ่งอยู่ในจุดเดียวกันกับกลุ่มนักวิ่งแนวหน้าแบบนั้น มันจะยอดเยี่ยมและสุดยอดขนาดไหน ความรู้สึกมันจะเป็นอย่างไร มันจะเหนื่อยขนาดนี้ไหม แล้วเราจะเป็นอย่างไร คำถามเยอะไปหมดเมื่อเห็นกลุ่มนักวิ่ง Elite วิ่งผ่านไปในช่วงเวลาอันสั้น
เมื่อผมกลับมาทบทวนสิ่งที่ได้ทำลงไปนึกย้อนเวลาก่อนทำและหลังทำผมเห็นถึงการพัฒนาที่เกิดขึ้นเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีค่าที่มีเงินก็ไม่สามารถครอบครองมันได้ นั่นคือสุขภาพชีวิต เมื่อสิ่งที่คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เรากลับทำได้ด้วยตัวเราเอง เพียงแค่เรา Focus ตั้งเป้าหมาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และ ลงมือทำทันที ไร้ซึ่งกฎ ข้ออ้าง พอรู้ตัวเองอีกที ร่างกาย จิตใจก็แข็งแกร่งเปลี่ยนไปแล้ว จากเพียงวางเป้าหมายแค่ลดน้ำหนักเท่านั้น โรคต่างๆหายไปและไม่กลับมาเป็นอีกเลย
นอกจากวิ่งเพื่อสุขภาพให้ดีขึ้นแล้ว ผมได้ซึมซับอะไรบางอย่างในงานวิ่งงานเดียว กลับกลายเป็นอยากวิ่งเพื่อการแข่งขันในไม่กี่ปี เมื่อผมได้เดินทางกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด จังหวัดอำนาจเจริญ ก่อนจะได้เริ่มตั้งทีม ที่มีชื่อว่า OTC Running Team
ก่อนที่จะได้เริ่มจัดตั้งทีมวิ่งมีชื่อในจังหวัดอำนาจเจริญ ที่ใช้ชื่อว่า OTC Track Club ส่วนตัวผมได้ทำการฝึกซ้อมวิ่งด้วยตัวเองโดยศึกษาหาข้อมูลจากทาง Internet ทั่วไปและมีครูพักลักจำจากการพูดคุยคำแนะนำจากนักวิ่งแนวหน้าที่รู้จัก เพื่อใช้ในการฝึกซ้อมแต่นั่นก็ทำให้ผมถึงลิมิทของตัวเองที่จะทำได้ เพราะยิ่งวิ่งเร็วขึ้นเท่าไหร่ ความยากในการฝึกซ้อมก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ที่จังหวัดอำนาจเจริญบ้านเกิด มีสถานที่ฝึกซ้อมประจำของผมคือถนนคอนกรีตภายในวัดพระมงคลมิ่งเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวและที่สาธารณะใช้สำหรับเดินวิ่ง ปั่นจักรยานทั่วไป ผมได้ใช้พื้นที่ตรงนั้นในการซ้อมวิ่งทุกรูปแบบอยู่เป็นประจำ แต่สิ่งเลวร้ายก็เกิดขึ้นทุกๆครั้งในการซ้อมความเร็ว ผมมีอาการบาดเจ็บสะสมอย่างมากจนทำให้ไม่สามารถฝึกซ้อมวิ่งได้เป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆหลังจากที่จบงานวิ่งที่จัดขึ้นในจังหวัดในระยะทาง 10KM เป็นสนามแข่งขันที่มีความยากมาก มีความชันเป็นจุดๆที่ทำให้การวิ่งนั้นลำบากมาก
ผมจบในอันดับ 5 ของกลุ่มรุ่นอายุ 20-29 ปี ในช่วงเวลานั้นผมได้รับการบาดเจ็บสะสมจากการฝึกซ้อมและการแข่งขันในงานนี้โดยขาทั้ง 2 ข้างไม่สามารถใช้วิ่งได้ด้วยปัญหาเส้นเอ็นอักเสบ เอ็นร้อยหวาย ชินสปริ้นท์ เยื้อหุ้มกระดูกหน้าแข้งอักเสบ และ Iliotibial Band Syndrome หรือ ITB ที่รอบๆหัวเข่า ผมใช้วิธีการรักษาอยู่เป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้มีการซ้อมโปรแกรมวิ่งเลยในช่วงเวลานั้นเพราะอาการบาดเจ็บและความเจ็บปวดที่ใช้งานไปอย่างมาก ทำให้ผมต้องคิดทบทวนการฝึกฝนและเริ่มศึกษาแบบแผนให้มากขึ้นกว่าเดิม
การบาดเจ็บและการฟื้นตัว ในช่วงเวลา 1 เดือนที่ไม่สามารถวิ่งได้เพียงแค่เดินธรรมดาก็ลำบากผมใช้เวลาหาวิธีรักษา ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกล้ามเนื้อและกระดูกโดยเฉพาะเพื่อประกอบแบบแผนการฝึกซ้อมในอนาคตและแก้ไขปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้นอีกเพราะการออกกำลังกายที่หนักกว่าคนปกติทั่วไปมีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บอยู่แล้ว ช่วงเวลาที่พักรักษาตัวผมหาข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์กับการฝึกฝน รวมถึงสร้างความแข็งแรงด้วยการทดแทนการออกกำลังกายอย่างอื่นเช่น ว่ายน้ำ เวทเทรนนิ่ง คาดิโอ อื่นๆที่จะทำให้สัดส่วนของร่างกายที่จะได้รับแรงกระแทก แรงปะทะ ทั้งหมดนั้นแข็งแรงขึ้น รวมถึงปรับเปลี่ยนรูปแบบการทานอาหารใหม่เพื่อเร่งการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาโดยเร็ว
ผมมีเพื่อนในวงการวิ่งด้วยกันที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กๆเขาได้ให้คำแนะนำเรื่องสถานที่ในการฝึกซ้อมวิ่งใหม่ในจังหวัดนั่นคือสนามส้ม (ลู่ยางสังเคราะห์) สำหรับใช้เล่นกีฬาหลายๆประเภท เป็นส่วนพื้นที่หน่วยงานราชการในการดูแลของ กกท. การท่องเที่ยวและการกีฬาจังหวัดอำนาจเจริญ ผมใช้พื้นที่สนามวิ่งลู่ยางตรงนี้ในการฝึกซ้อมในช่วงตอนเช้าและตอนบ่ายเป็นประจำ หลังจากอาการบาดเจ็บของผมมันดีขึ้น ในสนามมีนักวิ่งเก่งๆมากหน้าหลายตาที่ร่วมการฝึกซ้อม มีกลุ่มนักวิ่งอีลิทแนวหน้าประจำจังหวัดหลายคน หลากหลายเพศ หลากหลายวัย ทุกคนที่รักในการวิ่งใช้พื้นที่ตรงนี้ในการฝึกซ้อมวิ่งด้วยกัน
ครั้งแรกที่ผมได้มาใช้สนามมันรู้สึกดีมากเพราะไม่เคยสัมผัสสนามวิ่งแบบนี้มาก่อนบ่อยครั้งที่ผมจะเจอเพื่อนของผมที่เขามาฝึกวิ่งซ้อมกับกลุ่มนักวิ่งของเขาอย่างพร้อมเพียง มันดูน่าสนุก มันส์ ต่างคนต่างเป้าหมาย ซึ่งในตอนนั้นนอกจากโปรแกรม Easy & Steady Run แล้ว ผมไม่สามารถวิ่งโปรแกรมใดๆกับใครได้เลยและยังไม่ค่อยรู้จักหรือสนิทกับใครในพื้นที่ส่วนใหญ่ผมจะฝึกซ้อมในแบบเดิมๆที่เคยวิ่งแต่ด้วยอาการบาดเจ็บผมก็ได้ปรับเปลี่ยนแผนการซ้อมให้มีระเบียบมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซากเดิมๆ โดยผมดู จำและถามจากนักวิ่งเก่งๆในสนามเพื่อนำมาปรับใช้ จากระยะ 5K ก็เริ่มมาวิ่งในระยะ 10K จนถนัดพร้อมกับเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในสนามส้ม ทุกคนฝึกซ้อมและวิ่งด้วยกันเหมือนครอบครัวมีความช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดยตลอด ทุกคนต่างเป็นคนวัยทำงานกันทั้งหมด มากมายหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่ ครู พยาบาล หมอ ตำรวจ ทหาร และ อาชีพอื่นๆ
Soon..